ฐานข้อมูล (Database)
เป็นวิธีการเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันไว้ที่เดียวกัน
และรวบรวมข้อมูลที่ไม่ซ้ำซ้อนและสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ
เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน แก้ไข สำหรับผู้ใช้งานจำนวนมาก
และสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลจากบุคคลอื่นได้
ความสัมพันธ์ในฐานข้อมูล
การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลจะจัดเก็บในรูปตารางที่มีความสัมพันธ์กัน ในฐานข้อมูลสามารถสร้างความสัมพันธ์ของตารางโดยกำหนดให้ตารางที่มีคุณลักษณะเหมือนกันมาสร้างความสัมพันธ์กันโดยปกติในแฟ้มข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลอยู่นั้นจะประกอบด้วยชื่อตารางแฟ้มข้อมูลหรือเอนทิตี้ (Entity)และหัวข้อเรื่องหรือรายละเอียด (Attribute)
ใน GIS สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตารางในฐานข้อมูลได้ 4 แบบ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One)
2. ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม (One-to-Many)
3. ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อหนึ่ง (Many-to-One)
4. ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม (Many-to-Many)
มีหลายระเบียนในแฟ้ม A ที่มีความสัมพันธ์กับหลายระเบียนในแฟ้ม B หรือหลายระเบียนในแฟ้ม B มีความสัมพันธ์กับหลายระเบียนในแฟ้ม A โดยจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง คือ Relate
ตัวอย่าง การใช้โปรแกรม AcrMap 10 ในการสร้างความสัมพันธ์ของฐานข้อมูล
ความสัมพันธ์ในฐานข้อมูล
การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลจะจัดเก็บในรูปตารางที่มีความสัมพันธ์กัน ในฐานข้อมูลสามารถสร้างความสัมพันธ์ของตารางโดยกำหนดให้ตารางที่มีคุณลักษณะเหมือนกันมาสร้างความสัมพันธ์กันโดยปกติในแฟ้มข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลอยู่นั้นจะประกอบด้วยชื่อตารางแฟ้มข้อมูลหรือเอนทิตี้ (Entity)และหัวข้อเรื่องหรือรายละเอียด (Attribute)
ใน GIS สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตารางในฐานข้อมูลได้ 4 แบบ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One)
2. ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม (One-to-Many)
3. ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อหนึ่ง (Many-to-One)
4. ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม (Many-to-Many)
มีหลายระเบียนในแฟ้ม A ที่มีความสัมพันธ์กับหลายระเบียนในแฟ้ม B หรือหลายระเบียนในแฟ้ม B มีความสัมพันธ์กับหลายระเบียนในแฟ้ม A โดยจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง คือ Relate
ตัวอย่าง การใช้โปรแกรม AcrMap 10 ในการสร้างความสัมพันธ์ของฐานข้อมูล
1. เปิดโปรแกรม
AcrMap 10 ขึ้นมา แล้วเลือก Connect to folder ของข้อมูล
จากนั้นทำการนำเข้าข้อมูล
2. จากนั้นเปิดชั้นข้อมูล
3. ทำการเชื่อมข้อมูลตาราง
โดยจะต้องดูว่ามีข้อมูลใดของตารางที่เป็นตัวเชื่อม จึงจะทำการเชื่อมข้อมูลตารางได้
ในที่นี้ใช้ ข้อมูล SOIL_ID เป็นตัวเชื่อม
และใช้วิธีการเชื่อมตารางโดยการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง คือ Join
ผลลัพธ์ที่ได้ จะสังเกตุเห็นได้ว่าข้อมูลที่ SOIL_CODE
จะมารวมกับข้อมูล SOIL_GRP
4. วิธีการลบ ความสัมพันธ์ระหว่างตารางแบบ Join
5. วิธีการเชื่อมตารางโดยการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง
คือ Relate
เปิดข้อมูลใหม่ขึ้นมา
จากนั้น Open Attribute Table ของชั้นข้อมูล AMPHOE ขึ้นมา
เลือกทำการเชื่อมข้อมูลโดยการใช้ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ในที่นี้ คือ AMP_CODE
เปิดข้อมูลใหม่ขึ้นมา
จากนั้น Open Attribute Table ของชั้นข้อมูล AMPHOE ขึ้นมา
เลือกทำการเชื่อมข้อมูลโดยการใช้ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ในที่นี้ คือ AMP_CODE
เมื่อเชื่อมตารางความสันพันธ์แบบ Relate
แล้ว ข้อมลูที่ถูกเชื่อมความสัมพันธ์อยู่ที่ Relate Tables
ตารางที่ได้ทำการเชื่อมความสันพันธ์แบบ Relate
เรียบร้อยแล้ว
6. วิธีการลบ
ความสัมพันธ์ระหว่างตารางแบบ Relate
7. การคำนวณค่าสถิติอย่างง่าย
โดยจะใช้ค่าสถิติที่เป็นตัวเลขเท่านั้น
จะสังเกตเห็นได้ว่าจะมีแต่ฟิลด์ที่เป็นประเภทตัวเลขที่จะสามมารถนำมาคำนวณได้เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องเลือกประเภทของฟิลด์นั้นเป็นตัวเลขเท่านั้น
8. การสร้างกราฟ เลือกรูปแบบของกราฟ
เมื่อเลือกรูปแบบของกราฟแสร็จแล้วคลิก Next
ต่อไป เพื่อทำการเปลี่ยนชื่อกราฟ
จากนั้น คลิก Finish แล้วจะได้กราฟดังภาพ
เมื่อต้องการที่จะแก้ไขข้อมูลของกราฟ
ให้คลิกขาวที่กราฟ จากนั้นเลือกที่ Advanced Properties
เลือกรายการที่เราต้องการที่จะแก้ไขข้อมูลของกราฟ
การ Export กราฟ
เลือกรายการที่เราต้องการที่จะแก้ไขข้อมูลของกราฟ
การ Export กราฟ
9. การสร้าง Report
เข้าไปที่ View >> Report >> Create Report เลือกฟิลด์ข้อมูลที่จะนำมาสร้าง Report
เข้าไปที่ View >> Report >> Create Report เลือกฟิลด์ข้อมูลที่จะนำมาสร้าง Report
เมื่อเลือกฟิลด์ข้อมูลแล้ว ก็กำหนดหัวเรื่องของ
Report
เลือกรูปแบบของ Report
ตั้งชื่อ Report
กด Finish แล้วจะได้
Report ที่เราได้ทำการสร้างขึ้นมา
หากต้องการที่แก้ไข Report ให้เข้าไปที่
Edit แล้วทำการแก้ไขตามที่ต้องการ
ถ้าต้องการนำแผนที่เข้ามาแทรกอยู่ใน Report
ให้ไปที่ Add to Map
วีดีโอการทำงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น